เรื่องย่อหนัง
จากวรรณกรรมเยาวชนชื่อดังของ Roald Dahl สู่ภาพยนตร์การผจญภัยสุดแฟนตาซี เรื่องราวของ โซเฟีย (Ruby Barnhill) เด็กสาวกำพร้าผู้โดดเดี่ยว จากตำนานที่เล่าขานกันว่า หลังเที่ยงคืนจะมียักษ์ออกมาจับตัวมนุษย์ กลางดึกของคืนหนึ่งเธอถูก “The BFG” ยักษ์สูงใหญ่ 24 ฟุต จับตัวไปสู่ดินแดนที่มีแต่…ยักษ์! ที่นี่โซเฟียพบว่ายักษ์ก็ไม่ได้น่ากลัวเหมือนขนาดตัวเสมอไป เรื่องราวการผจญภัยสุดตื่นเต้นเหนือจินตนาการจึงได้เริ่มขึ้น พร้อมกับมิตรภาพของ
สองเพื่อนซี้ต่างไซส์ ในดินแดนนี้เหล่ายักษ์กินคนจอมโหด คิดการใหญ่ทำร้ายผู้คน สองเพื่อนต่างไซส์จึงต้องผนึกกำลังช่วยกันปกป้องเมืองมนุษย์ให้รอดพ้นจากอันตราย The BFG หรือชื่อไทยว่า เดอะ บีเอฟจี ยักษ์ใหญ่หัวใจหล่อ ภาพยนตร์แนวแฟนตาซี-ผจญภัย กำกับโดยสตีเว่น สปีลเบิร์ก พ่อมดแห่งฮอลลีวู้ด ที่จะพาคุณเข้าไปสู่โลกแห่งจินตนาการสุดตื่นเต้นเกินจะคาดเดา
ตัวอย่างหนังออนไลน์
รีวิวหนัง
The BFG ยักษ์ล้มของจริง พ่อมดแห่งฮอลลีวูดไม่ได้มีมนต์ขลังอีกต่อไป
The BFG เป็นวรรณกรรมเยาวชนชื่อดังตั้งแต่ปี 1982 ของ “โรอัลด์ ดาห์ล” ผู้เขียนเดียวกับ ชาร์ลีย์กับโรงงานช๊อคโกแลต นั่นเอง ซึ่งเป็นผลงานล่าสุดที่ถูกนำมาปัดฝุ่น สร้างเป็นภาพยนตร์คนแสดงผสม CG โดยสตีเว่น สปีลเบิร์ก
ในฐานะที่เป็นแฟนที่ติดตามผลงานของลุงแกมานานมาก ก่อนเข้าโรงถึงกับความหวังในผลงานของแกซะมาก เพราะขึ้นชื่อว่า พ่อมดแห่ง ฮอลลีวูดแล้ว ไม่เคยทำให้ผิดหวังเท่าไหร่ แต่ The BFG กลับกลายเป็นเรื่องแรกที่ แหวกธรรมเนียมออกมาได้สุดโต่งจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นพล็อตที่เชย การดำเนินเรื่องที่ราบเรียบชวนหลับ ซึ่งโดยรวมตัวหนังองค์ที่ 1-2 ไม่มีความน่าสนใจหรือ ดึงดูดใจให้มีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละคร โซฟี และ ยักษ์ BFG เลยแม้แต่น้อย
ตัวหนังเองกระหน่ำแต่ CG เข้าหาผู้ชม (แต่ก็ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ ที่ทำให้คนดูต้องร้องว้าว) เพราะว่าเคยเห็นมาแล้วนับไม่ถ้วน กับหนังแนวๆนี้ ด้วยทุนสร้างที่มีมากถึง 140 ล้านดอลล่า US เรียกได้ว่าเป็นหนังที่ใช้ทุนสร้างสูงอีกเรื่องนึง ซึ่งพอได้ฉายจริง รายรับได้สวนทางกับทุนสร้างแบบฟ้ากับเหวเลยทีเดียว และเป็นเรื่องที่ 3 ของดิสนีย์ ในปีนี้ที่เป็นยักษ์ล้ม ต่อคิวจาก The Finest Hour และ Alice ภาค 2
สรุปง่ายๆเลยว่า ถ้า The BFG กำกับโดย ผู้กำกับคนอื่น ที่ไม่ใช่สตีเว่น สปีลเบิร์ก ผมคงไม่แปลงใจเท่าไหร่ที่หนังออกมาเละแบบนี้ แต่นี่คือผลงานกำกับโดยพ่อมดแห่งฮอลลีวูดเชียวนะ ทำไมมันออกมาน่าเบื่อได้ถึงขั้นนี้ 5/10 ไปเลยสำหรับเรื่องนี้
ปล.เคยได้ยินข่าวมาว่าลุงแกติดสัญญาที่จะต้องกำกับหนังให้สตูดิโอ ดิสนีย์ อีก 1 เรื่อง ไม่แน่ลุงแกอาจจะโดนบังคับให้กำกับก็ได้ เลยเอาเงินของสตูดิโอมาละลายเล่น 140 ล้านแบบชิลๆ ก่อนที่จะได้ไฟเขียวให้ไปเริ่มลุยตั้งต้นทำ อินเดียน่า โจนส์ 5 ต่อก็เป็นไปได้